วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2552

อาลัยยิ่งอาจารย์สุธีร์ ธนรัช รองคณบดีฯ คณะศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยรังสิต

ขอแสดงความเสียใจและอาลัยยิ่งต่อการจากไปอย่างกระทันหัน ของอาจารย์สุธีร์ ธนรัช รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา และอาจารย์ประจำสาขาคอมพิวเตอร์อาร์ต คณะศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยรังสิต ขณะปฎิบัติหน้าที่ ณ ห้องประชุมคณะศิลปะและการออกแบบ เมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2552

พิธีรดน้ำศพ และสวดอภิธรรมศพ ณ ศาลา 1 วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน กรุงเทพมหานคร กรุงเทพมหานคร วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม 2552
- สวดอภิธรรมศพวันที่ 11-13 ธันวาคม 2552 เวลา 18.30 น.
- ฌาปนกิจศพ วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม 2552 เวลา 17.00 น.

ศิษย์เก่าวิทยาลัยช่างศิลป์ กรมศิลปากร คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ตลอดจน คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน คณะศิลปกรรม คณะศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมงานโดยพร้อมเพรียง

วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Assignment

มหาวิทยาลัยประกาศหยุดตั้งแค่วันที่ 25ธ.ค.52-4ม.ค.53 ขอใช้ blog นี้สื่อสาร-สั่งงานฝากข่าวสารกับนักศึกษาออกแบบนิเทศศิลป์ ดังนี้
.....................................
Assignment 1 report นำเสนอภาพยนตร์โฆษณา ภาพยนตร์เรื่องยาว มิวสิควิดีโอ
write ส่งเป็นแผ่น CD/DVD ดังนี้
1. ภาพยนตร์โฆษณา 10 เรื่อง ในประเทศหรือต่างประเทศ
2. มิวสิควิโอ 1 เพลง ในประเทศหรือต่างประเทศ
3. ภาพยนตร์เรื่องยาวไทยหรือต่างประเทศ 1 เรื่อง copy เป็น vcd/dvd
ทั้ง 3 หัวข้อเน้น เรื่องความคิดการสร้างสรรค์ การเล่าเรื่อง การสื่อความหมายด้วยภาพ ภาษาภาพยนตร์ คุณภาพและความคมชัดของภาพยนตร์ฯ
(พร้อมเลือก 1 เรื่อง นำเสนอหน้าชั้นเรียน ตามวันที่กำหนด)
...
แนวทางการนำเสนอหน้าชั้นเรียน
นำเสนอ แนวคิดหรือความคิดสรางสรรค์ เรื่องราว การสื่อสาร กลุ่มเป้าหมาย กลยุทธการนำเสนอ ฯลฯ (คนละ 10-15 นาที)
...
กำหนดส่ง
ส่ง fileเป็นแผ่น vcd/dvd ในวันที่ 9 ม.ค.53 เท่านั้น ส่งช้าวันหักวันละ 1 เกรด
นำเสนอหน้าชั้นเรียน ตั้งแต่ 9 ม.ค.53 เป็นต้นไปโดยสุ่มตัวอย่างสัปดาห์ละ 1-5 คน
.........................................
Assignment 2 storyboard
สร้างสรรค์และผลิต storyboard โดยเลือกจากหัวข้อดังนี้
1.สันติภาพ 2.ภาวะโลกร้อน 3.สิทธิสตรี 4.ลดความรุนแรง(3จังหวัดชายแดนภาคใต้) 5.หัวข้ออิสระ
ส่ง concept/ideaboard(เล่าเรื่องโดยยังไม่ต้องใส่รายละเอียด เช่น ขนาดภาพ การเคลื่อนกล้อง เสียง ดนตรี ฯลฯ ) แล้วนำกลับไปแก้ไขและพัฒนาเป็น storyboard ไม่ตำกว่า 12 ช่อง
...
กำหนดส่ง
concept/ideaboard 9 ม.ค.53 นำเสนอในเวลาเรียน
storyboard 23 ม.ค.53 นำเสนอในเวลาเรียน นำไปปรับปรุงแก้ไข้
30 ม.ค. 53 ส่งผลงาน finish สรุปผล
...
ตัวอย่าง concept/ideaboard











ตัวอย่าง storyboard





























........................................................
Assignment 3 สรางสรรค์และผลิต storyboard ภาพยนตร์โฆษณาการท่องเที่ยวประเทศไทย
ส่ง concept/ideaboard นำไปปรับแก้ไขพัฒนาแล้วส่งเป็น storyboard (ไม่ตำกว่า 12 ช่อง)
ภาพยนตร์โฆษณา ชื่อชุด ................ แนวความคิด .................
ลูกค้า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ความยาว 30 วินาที
...
การนำเสนอหน้าชั้นเรียน
ชื่อชุด .............. แนวความคิด ................... กลุ่มเป้าหมาย ......................
...
กำหนดส่ง
concept/ideaboard 6 ก.พ.53 นำเสนอในเวลาเรียน นำไปปรับปรุงแก้ไข
storyboard 20 ก.พ. 53 นำเสนอในเวลาเรียน นำไปปรับปรุงแก้ไข
5 มี.ค. 53 ส่งงาน finish
กรณีไม่ผ่านให้นำไปปรับปรุงแก้ไข แล้วส่งอย่างช้าไม่เกิน 5 มี.ค.53 ที่ห้องพักอ.242/4 ไม่เกิน 18.00 น.
...
หมายเหตุ สอบย่อย ครั้งที่ 2 16 ม.ค. 53 การสื่อสารด้วยภาพ ภาษาภาพยนตร์ อาทิ ขนาดภาพ มุมกล้อง การเคลื่อนกล้อง การตัดต่อลำดับภาพ ศัพท์เทคนิค มุมมอง pov ฯลฯ
สอบย่อย ครั้งที่ 3 13 ก.พ. 53 ดูภาพยนตร์โฆษณา 2 เรื่อง แล้ววิเคราะห์ กลุ่มเป้าหมาย แนวความคิด กลยุทธ์การสื่อสาร
(งานทุกชิ้น นักศึกษาต้องส่งด้วยตัวเอง ไม่รับงานฝากส่งไม่ว่ากรณีใดๆ
....................................................
เก็บมาเล่า เอามาฝาก
A storyboard is a sequence of images and words drawn together on a page to form a plausible narrative. Storyboards are routinely used in the movie making business to ‘preview’ a movie before a single shot is taken. Not only does a storyboard allow for a dress rehearsal of the final product but by the very fact of being posted on the wall, it elicits early feedback and encourages quick, painless editing, leading to significant savings in time and resources. Disney was a storyboarding freak! A storyboard is an apt metaphor for how we make sense of our own life history. Storyboarding can be used to sense emergent patterns in our own life story and to envision the life experiences that we wish to welcome into our future. Try storyboarding the past and future events in your Life!

วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ความจริง "เทียม" ในภาพยนตร์โฆษณา

"สิ่งที่คุณเห็นในโฆษณาเป็นความจริงทั้งหมด แต่ความเป็นจริงทั้งหมดไม่ได้ปรากฏในงานโฆษณา"

เป็นที่รู้กันว่า โฆษณา เป็น "Half Truth" คือ พูดความจริงเพียงครึ่งเดียว ภายใต้หลักการ สิ่งที่คุณเห็นในโฆษณาเป็นความจริงทั้งหมด แต่ความเป็นจริงทั้งหมดไม่ได้ปรากฏอยู่ในงานโฆษณา ในที่นี้คงไม่ต้องกล่าวถึงโฆษณาชวนเชื่อทั้งหลายที่ทั้งล่อทั้งหลอกทั้งกล่าวอ้างสรรพคุณจนผู้บริโภคอย่างเราๆ ยอมควักเงินออกจากกระเป๋าโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด

มีโฆษณาประเภทหนึ่งซึ่งเป็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์องค์กร บริษัท หรือธุรกิจที่มุ่งให้ผู้บริโภคจดจำภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร ด้วยการแสดงตนในการเป็นพลเมืองดีของสังคม ทำประโยชน์แก่สังคมโดยนำกิจกรรมที่องค์กรทำมาเผยแพร่ เช่น การปลูกป่า, การช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส, การสานสายใยครอบครัว, การอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ความรักในผืนแผ่นดินถิ่นเกิด, ความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติ ฯลฯ (เคยดูโฆษณาประเภทนี้แล้ว ลองนึกตามว่าคือโฆษณาอะไรบ้าง)

เมื่อเราดูโฆษณาเหล่านี้เราจะรู้สึกเหมือนได้ดูหนังสั้นหรือสารคดีสั้นๆ ชิ้นหนึ่งที่ครบเครื่องทั้งภาพ เพลง และเรื่องราว ภาพยนตร์โฆษณาประเภทนี้ส่วนใหญ่มักจะสร้างความประทับใจให้กับผู้ชม ภาพยนตร์โฆษณาบางเรื่องสามารถทำให้ผู้ชมซาบซึ้งน้ำตาซึม ภาพยนตร์โฆษณาเพื่อสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรหลายเรื่องเป็นที่กล่าวถึงอย่างกว้างขวาง กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ของผู้คนในสังคมแต่ละช่วงขณะของเวลา

ภาพยนตร์โฆษณาเช่นนี้ย่อมมีผลต่อการสร้างความรู้สึกที่ดีต่อองค์กรหรือบริษัทนั้นๆ ว่า เขาช่างดีอะไรเช่นนี้ ถึงจะทำการค้าแต่ก็ยังคิดถึงสังคม คิดถึงประเทศชาติ อย่างนี้ซิน่าสนับสนุนสินค้าขององค์กรหรือบริษัทนั้นๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่บริษัท/องค์กรอื่นๆ ที่เคยมีโฆษณาขายสินค้าแบบทื่อๆ ตรงๆ ประเภทบอกให้รู้ว่าบริษัทตนนั้นขายอะไร ทำอะไร หรือบริษัทที่ผู้บริโภครู้จักชื่อเสียงและสินค้าของตนแล้ว จึงหันมาเดินตามแนวทางการสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรกันมากขึ้น

การสร้างภาพลักษณ์องค์กรโดยการช่วยเหลือสังคมเป็นสิ่งที่ดีที่ควรจะทำและควรจะมีให้มากยิ่งขึ้นเสียด้วยซ้ำเพื่อช่วยบรรเทาทุกข์ของผู้คนและปัญหาต่างๆ ในสังคมที่มีอยู่มากมาย เพราะการจะหวังเพียงความช่วยเหลือจากภาครัฐแต่เพียงฝ่ายเดียว เราก็คงจะเห็นมานานแล้วว่าไร้ผลสัมฤทธิ์อย่างไร การทำงานขององค์กรพัฒนาเอกชนต่างๆ เสียอีกที่ช่วยบรรเทาความป่วยไข้ของสังคมให้ทุเลาเบาบางลง ดังนั้นยิ่งเมื่อมีมือแห่งความกรุณาจากภาคธุรกิจที่ยื่นเข้ามาให้ความช่วยเหลือแบ่งเบาปัญหาต่างๆ ในสังคมไทย จึงเป็นเรื่องน่ายินดีและน่าประทับใจกับความจริงใจของบริษัทและองค์กรเหล่านั้น

แต่การโฆษณาสร้างภาพลักษณ์องค์กรเพื่อกลบข่าวด้านลบที่บริษัท/องค์กรนั้นๆ กำลังประสบหรือได้รับการต่อต้านจากประชาชน กลับทำให้รู้สึกตะขิดตะขวงใจและรู้สึกว่าเลวร้ายเสียยิ่งกว่าโฆษณาขนมหลอกเด็ก หรือโฆษณาครีมทาหน้าขาวเสียอีก นั่นเพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสินค้า ผลิตภัณฑ์ บริการ หรือโครงการนั้นๆ มิใช่ส่งผลกระทบเพียงแค่ตัวบุคคลที่ใช้สินค้าเท่านั้น แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นส่งผลต่อวิถีชีวิตของผู้คน ชุมชน และสังคมโดยรวม ทั้งยังอาจสร้างความเสียหายต่อประเทศชาติ

ตัวอย่างมีให้เห็น
- ปัญหาเขื่อนปากมูล ในอดีต เมื่อการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สร้างเขื่อนปากมูลซึ่งส่งผลกระทบต่อชาวบ้านปากมูลไม่สามารถประกอบอาชีพประมงพื้นบ้านได้ดังเดิม เนื่องจากปลาที่อาศัยอยู่ตามเกาะแก่งต่างๆ ของลำน้ำมูลซึ่งเคยมีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ให้ชาวบ้านได้หาอยู่หากินอย่างไม่ขัดสน (จากพันธุ์ปลาในแม่น้ำมูล ที่มีการบันทึกไว้ในปี 2537 จำนวน 265 ชนิด มีปลา 77 ชนิด ที่เป็นปลาอพยพ 35 ชนิด เป็นปลาที่อาศัยอยู่ตามเกาะแก่งต่างๆ หากแต่การสำรวจหลังการสร้างเขื่อน พบว่า เหนือเขื่อนมีปลาเหลือเพียง 96 ชนิด และมีพันธุ์ปลาถึง 56 ชนิด ที่ไม่ปรากฏว่าจับได้อีกเลย อ้างอิงจาก ไร้สิ้นกลิ่นปลาแดก.. ที่หมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน เดอะเนชั่นสุดสัปดาห์ รายงานพิเศษ / แม่มูนมั่นยืน /
- ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข และโครงการแม่น้ำเพื่อชีวิต เครือข่ายแม่น้ำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ SEARIN) แต่เมื่อมีการสร้างเขื่อนซึ่งต้องทำลายแก่งต่างๆ อันเป็นที่อยู่อาศัยของปลา ทั้งยังสกัดกั้นการเดินทางของปลาจากแม่น้ำโขงที่อยู่บริเวณท้ายเขื่อนซึ่งจะว่ายขึ้นมาวางไข่บริเวณเหนือเขื่อนในแม่น้ำมูล

เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นที่สร้างข้อวิพากษ์ถกเถียงจากนักวิชาการ เอ็นจีโอ กับทาง กฟผ. จนกระทั่งนำไปสู่การสร้างบันไดปลาโจนพร้อมไปกับการโหมโฆษณาประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบเพื่อชี้แจงว่าการสร้างเขื่อนนี้ไม่ได้มีผลกระทบดังที่มีข่าวออกมา ในช่วงนั้นมีภาพยนตร์โฆษณาที่ดูแล้วน่าประทับใจเรื่องหนึ่งที่ฉายให้เห็นภาพของชาวบ้านปากมูลยิ้มแย้มอย่างมีความสุขที่สามารถประกอบอาชีพประมงได้เพราะมีบันไดปลาโจนให้ปลาว่ายทวนขึ้นไปวางไข่ ผู้ชมอาจจดจำประโยคที่ว่า "ปลาแดกบ่หมดไห" ทว่าในความเป็นจริงกลับไม่ได้เป็นเช่นในโฆษณาเลยสักนิด มิฉะนั้นสมัชชาคนจนคงไม่เข้ากรุงเทพฯ มาเรียกร้องให้รัฐบาลที่ผ่านมาหลายยุคหลายสมัย ให้ช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องค่าชดเชยที่ดินทำกินมาจนถึงปัจจุบันนี้เป็นแน่

เมื่อไม่นานมานี้ มีภาพยนตร์โฆษณาอีก 2 เรื่อง ที่สะกิดใจอย่างแรงจนอดไม่ได้ที่จะหวนคิดไปถึงโฆษณา "ปลาแดกบ่หมดไห" โฆษณาทั้งสองเรื่องนี้เป็นของบริษัทที่ทำกิจการด้านพลังงาน เรื่องแรก เป็นเรื่องราวของครูที่พาเด็กๆ ไปทัศนศึกษาที่โรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจังหวัดทางภาคใต้ ภาพยนตร์โฆษณานี้ดูน่ารักน่าเอ็นดูและตลกขบขันไปกับเรื่องราวของครูที่พาเด็กๆ ไปดูสัตว์ต่างๆ ที่ในโฆษณากล่าวอ้างว่าสามารถพบเห็นได้ในบริเวณโรงไฟฟ้าแห่งนั้น มีทั้ง นกออก ลิงแสม เหยี่ยวทะเล และโลมาสีชมพู ให้เด็กๆ และครูได้ฮือฮาตื่นตาตื่นใจ ดูไปแล้วอาจคิดว่าเป็นโฆษณาของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่นำเสนอ UNSEEN THAILAND แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของประเทศไทยอย่างไรอย่างนั้น

ภาพยนตร์โฆษณาอีกเรื่องหนึ่งนำเสนอให้เห็นว่าบริษัทที่ทำกิจการด้านพลังงาน (อยู่ในจังหวัดทางภาคตะวันออกที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลยอดนิยมของนักท่องเที่ยว) มีความรักในบ้านเกิด ห่วงใยผู้คนในชุมชน และสำนึกถึงบุญคุณของแผ่นดินไทยเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะทำกิจการที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่บริษัทดังกล่าวได้มีการดูแลป้องกันเป็นอย่างดี ในภาพยนตร์โฆษณาจะเห็นรอยยิ้มของเด็กๆ และผู้ใหญ่ที่ใช้ชีวิตอยู่ในชุมชนเล็กๆ ที่มีมิตรไมตรี มีสภาพแวดล้อมที่ดีและปลอดภัยน่าอยู่อาศัย

แต่ก็อย่างที่พาดหัวข้อไว้ตั้งแต่เริ่มแล้วว่า "ความจริงทั้งหมดไม่ได้ปรากฏในโฆษณา" ความจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ๆ โครงการดังกล่าวมักจะไม่ค่อยปรากฏออกสู่สายตาหรือการรับรู้ของสาธารณชน นอกเสียจากว่าจะมีการรวมตัวกันของกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบออกมาประท้วง เรียกร้อง ต่อต้าน ป่าวร้องให้สังคมภายนอกรับรู้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง ข่าวคราวก็จะเงียบหายไปดังคลื่นกระทบฝั่ง จะมีใครสักกี่คนที่ได้รับรู้ว่า การสร้างโรงไฟฟ้าขนอม จ.นครศรีธรรมราช ได้ส่งผลกระทบต่อนิเวศน์สิ่งแวดล้อมทางทะเลและการประกอบอาชีพประมงเนื่องจากโรงไฟฟ้าปล่อยน้ำอุ่นลงทะเลทำให้ปลาไม่สามารถฟักไข่ได้ และผลกระทบจากการดูดน้ำทะเลเข้ามาหล่อเย็นในโรงไฟฟ้าทำให้ลูกปลาโดนดูดเข้าไปตาย จากการศึกษาของกรมประมงเมื่อปี 2525 พบว่ามีลูกปลาถูกดูดตายปีละ 12.34 ล้านตัว (อ้างอิงจาก โรงไฟฟ้ากับการตัดสินใจ http://www.talaythai.com/)

ผลกระทบด้านมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและนิคมอุตสาหกรรมอีกหลายแห่งในจังหวัดระยอง ส่งผลให้ชาวระยองป่วยเป็นโรคมะเร็งมากที่สุดจังหวัดหนึ่งของประเทศโดยเฉพาะมะเร็งในปอด มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุดในประเทศ และมีอัตราของเด็กแรกเกิดร่างกายผิดปกติ สูงขึ้นอย่างรวดเร็วในรอบสิบปีที่ผ่านมา ("มาบตาพุด" เมื่อสุขภาพเดินตามรอย ความเจริญทางเศรษฐกิจ โดย one ton วันชัย ตัน หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 19 สิงหาคม 2550) เนื่องจากได้รับสารเคมีปนเปื้อนและสารก่อมะเร็งจากโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมหนักและอุตสาหกรรมปิโตรเคมี (จากข้อมูลของกรีนพีซ กลุ่มศึกษาและรณรงค์มลภาวะอุตสาหกรรม และโกลบอลคอมมิวนิตี้มอนิเตอร์ มีรายงานผลการวิเคราะห์ตัวอย่างอากาศย่านชุมชนที่อยู่อาศัยโดยรอบนิคมฯมาบตาพุดซึ่งพบว่ามีมลพิษในระดับที่เป็นอันตรายมาก กรมควบคุมมลพิษได้เก็บตัวอย่างอากาศไปวิเคราะห์อีกครั้ง และมีผลที่ยืนยันได้ว่ามีการปนเปื้อนของสารพิษจริง จึงได้เสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติให้ประกาศมาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษ) แต่จนถึงปัจจุบันรัฐบาลยังคงเดินหน้าโครงการอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในเขตนิคมอุตสาหกรรมฯ ต่อไป เมื่อจะมีการสร้างโรงไฟฟ้าพลังถ่านหินขนาด 3,200 เมกะวัตต์ ของบริษัทที่ทำธุรกิจด้านพลังงาน จึงได้รับการต่อต้านจากชาวระยองที่ได้รับบทเรียนอันเจ็บปวดและแสนสาหัสนั้นแล้ว

คงไม่ต้องถามหาจริยธรรมจากบริษัทผู้รับทำภาพยนตร์โฆษณาเหล่านั้น ทั้งยิ่งไม่จำเป็นต้องเรียกร้องจากคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคให้ตรวจสอบว่าโฆษณานั้นเกินจริง หลอกลวงผู้บริโภคหรือไม่ นั่นเพราะภาพความจริง "เทียม" เช่นภาพยนตร์โฆษณาที่หยิบยกมากล่าวถึงข้างต้น ยังจะมีให้เราได้ดูกันต่อไปอีกหลายๆ เรื่อง เพราะตราบใดที่ทุนนิยมเสรีครอบโลกเราอยู่ และเพราะโลกทุนนิยมเสรีนั้นให้คุณค่าแก่ "เงินตรา" ทุนนิยมที่เชื่อว่าความสุขเกิดจากการบริโภคและการครอบครองวัตถุ (อ่าน "วิพากษ์ทุนนิยม จากมุมมองของศาสนา" โดย พระไพศาล วิสาโล) เช่นเดียวกับความจริงในยุคโลกาภิวัตน์ที่นับวันยิ่งยากที่จะหยั่งถึงว่า ความจริงชุดนั้น "แท้" หรือ "เทียม" ซึ่งนี่คงบอกได้ "จริงๆ" ว่า ความจริงแท้ของโลกเป็นเช่นนี้

Principle of Advertising

หลักการโฆษณา Principle of Advertising

- หลักการสร้างสรรค์งานโฆษณาให้ได้ผล
หลักการสร้างสรรค์ที่ดี
1. การสื่อสารที่ดีจะต้องตรงประเด็น สร้างสรรค์ มีผลกระทบในแง่การจดจำ (Good Communication must be relevant, Original)2. ง่ายและชัดเจน (Simple and Clear)
3. ให้เนื้อหาก่อนรูปแบบ (Contents before form)
4. สร้างความน่าเชื่อถือ (Building trust)
5. กระตุ้นทั้งเหตุผลและอารมณ์ (Appeal to head and heart)
6. แสดงตำแหน่งครองใจของสินค้าชัดเจน (Strongly projecting product positioning)
7. มีความแปลกใหม่ (Breaking the pattern)
8. มีจุดขายชัดเจนจูงใจให้ซื้อ (Featuring compelling selling point)
9. แสดงบุคลิกของสินค้าชัดเจน (Clearly projecting product personality)
10. สามารถสร้างสรรค์ชิ้นงานได้ต่อเนื่องในระยะยาว (Big ideas must be expandable and Long - Lasting)

- การกำหนดลีลา (Tone) ของโฆษณา
ลีลา (Tone) คือการกำหนดภาพ คำพูด สิ่งต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับบุคลิกของสินค้า เช่น สวยงาม น่าเชื่อถือ จริงจัง แบ่งเป็น
1. มุ่งขาย (Hard Sell) กับขายอ้อม (Soft Sell)มุ่งขาย (Hard Sell) คือ การพูดถึงคุณสมบัติตรง ๆ ใช้กับสินค้าที่โฆษณาต่อสู้กับคู่แข่งขันขายอ้อม (Soft Sell) คือ การพูดจานิ่ม ๆ ไม่พูดชัดเจนจนเกินไปเหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการสร้างภาพพจน์ และสินค้าที่เป็นผู้นำตลาด
2. ความพร้อมของอารมณ์ (Mood)การโฆษณาเมื่อกำหนดลีลาแล้วจะต้องมีการกำหนดอารมณ์ (Mood) การสร้างความพร้อมในอารมณ์ให้กับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายทำให้เกิดความรู้สึกอยากกิน อยากนอน อยากซื้อ เป็นความพร้อมของอารมณ์ปฏิบัติ องค์ประกอบที่ช่วยสร้างความพร้อมของอารมณ์ได้แก่สี (Color) แสง (Lighting) ภาษาคำพูด / ภาพ (Wording or Visual) ดนตรี (Music) สถานการณ์ (Situation) เวลา (Timing) การเคลื่อนไหว

- การกำหนดสิ่งจูงใจ (Appeal ) ของโฆษณา
สิ่งจูงใจ (Appeal)สิ่งจูงใจนำมาจากจุดขาย หรือผลประโยชน์ (Benefit) มาจูงใจให้ซื้อสินค้า เช่น ความทนทาน สวย ประหยัด นำมาตอกย้ำให้ชัดเจน นำมาใช้ในการกำหนดยุทธวิธี (Strategy) เพื่อไม่ให้ออกนอกยุทธวิธี (Off Strategy) ซึ่งจุดขายจะถูกกำหนดไว้ก่อน การสร้างสรรค์โฆษณา โดยกำหนดได้ในลักษณะดังนี้
1. เหตุจูงใจด้านอารมณ์ และเหตุจูงใจด้านเหตุผล (Emotional appeal and Rational appeal)การใช้อารมณ์เป็นเหตุจูงใจ ได้แก่ ความรัก ความสนุกสนาน เพศ ส่วนการใช้เหตุผลจูงใจ เช่น ความทนทาน ประหยัด คุณภาพสูง ซึ่งการใช้เหตุจูงใจทั้งอย่างนี้ มักใช้ผสมผสานกับทั้งเหตุผลและอารมณ์ในสัดส่วน 50 : 50
2. การพูดจริงจัง หรือพูดด้วยอารมณ์ขัน (Serious / Humor) คือการใช้ความจริงจัง หรือใช้อารมณ์ขันตลกมาจูงใจ
3. การพูดตรงไปตรงมา หรือพูดแบบมีลูกเล่น (Straightforward / Gimmic)
4. การใช้เทคนิคชั้นสูงหรือการใช้แบบธรรมเนียมนิยม (High - tech / Tradition)

- เทคนิคการนำเสนองานโฆษณา (Presentation Techniques)
ในการสร้างสรรค์งานโฆษณา (Creative Strategies) มีการกำหนดตำแหน่งครองใจของสินค้า Positioning (Production Positioning) จุดขาย (Selling Point) บุคลิกของสินค้า (Product personality) นอกจากนั้น ยังต้องคำนึงถึง ลีลา (Tone) ในการสื่อสารว่าจะมุ่งขาย (Hard cell) หรือขายอ้อม (Soft Sell) พร้อมกับกำหนดอารมณ์ (Mood) และการจูงใจ (Appeal) ในแผนสร้างสรรค์ จนกระทั่งมาถึงลำดับสุดท้าย คือ การเลือกยุทธวิธีต่าง ๆ ในการนำเสนองานโฆษณา มีดังต่อไปนี้

1. การใช้สินค้าเป็นพระเอก (Product as a hero) เป็นการนำเสนอโดยใช้สินค้าแต่เพียงอย่างเดียว เทคนิคนี้เหมาะกับสินค้าที่มีจุดเด่น สวยงาม น่าสนใจ

2. การใช้ผู้นำเสนอ (Presenter) คือ การใช้ผู้นำเสนอซึ่งเป็นบุคคลที่น่าสนใจ มาพูดชักจูงใจสร้างความน่าสนใจทำให้ ผู้บริโภคหันมาพิจารณางานโฆษณา

2.1 การใช้โฆษก (Spokesman) คือ การนำโฆษณามาเป็นผู้แนะนำสินค้าว่าสินค้ามีคุณสมบัติดีอย่างไรแต่ไม่ได้เป็นผู้ใช้ เช่น นำ ดู๋ (สัญญา คุณากร) มาเป็นผู้แนะนำสินค้า S.B. Furniture เป็นต้น
2.2 การใช้ผู้นำเสนอที่เป็นผู้ใช้สินค้า (Testimonial) วัยรุ่น คือการนำบุคคลที่เป็นตัวแทนของกลุ่มเป้าหมาย เช่น แม่บ้าน นักธุรกิจ วัยรุ่น ผู้นำเสนอ เหล่านี้จะพูดรับรอง ยืนยันคุณภาพสินค้าว่าใช้แล้วได้รับผลดีอย่างไร (Testimonial) เขาเหล่านั้นทำหน้าที่เป็นตัวแทนของกลุ่มคนเหล่านั้น
2.3 การใช้ผู้เสนอเป็นสัญลักษณ์การ์ตูน (Mascot) คือ การนำเสนองานโฆษณา โดยใช้ตัวการ์ตูนที่สร้างขึ้นมาเป็นผู้นำเสนอสินค้า เช่น ตัวการ์ตูนในน้ำมันพืชกุ๊ก
2.4 การใช้ผู้นำเสนอเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ (Authority) คือ บุคคลที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ในด้านที่เกี่ยวข้องกับสินค้า เช่น ผู้ทรงคุณวุฒิด้านโภชนาการ การแพทย์, การออกแบบ ได้แก่ สถาปนิก, วิศวกร, นายแพทย์ นักวิชาการ ครูอาจารย์ มาแนะนำสินค้า ทำให้สินค้าเกิดความน่าเชื่อถือ เช่น ทันตแพทย์แนะนำยาสีฟัน สถาปนิกแนะนำบ้าน เป็นต้น

3. การใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงที่ใช้สินค้าพูดรับรอง (Celebrity Testimonial) บุคคลที่มีชื่อเสียง คนดัง ได้แก่ ดารา นักร้อง นักแสดง โดยบุคคลที่มีชื่อเสียงเหล่านี้ จะต้องมีบุคลิกสอดคล้องกับสินค้ามาเป็นผู้พูดรับรองยืนยันคุณภาพของสินค้าในลักษณะเป็นผู้ใช้ สินค้า เช่น ดร.เสรี วงษ์มณฑา แนะนำซอสปรุงรสตราฉลากทอง เป็นต้น

4. เสี้ยวหนึ่งของชีวิต (Slice Of life) คือ การนำเสนอโดยใช้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิต ซึ่งเป็นเสี้ยวหนึ่งของชีวิตมานำเสนอในรูปแบบการเล่าเรื่องในอดีต เช่น โฆษณาของบริษัทไทยประกันชีวิต ชุด ปู่ชิว

5. การชี้ให้เห็นประโยชน์ของสินค้าในลักษณะเกินจริง (Dramatization) คือ การนำเสนอประโยชน์ของสินค้าในลักษณะเกินจริง เพื่อสร้างโดดเด่น และสร้างการจดจำได้ดีกว่าโฆษณาชิ้นอื่น เช่น โฆษณา ชาเขียวโออิชิ ชุด หลอดดูด เป็นต้น

6. ก่อนใช้-หลังใช้ (Before and After) เป็นการโฆษณาโดยยกเหตุการณ์เปรียบเทียบก่อนใช้สินค้า และหลังจากใช้สินค้าแล้ว ผลลัพธ์เป็นอย่างไร เช่น ผมที่แห้งฟูกลายเป็นผมเหยียดตรงเงางาม มีน้ำหนัก ใบหน้าที่เป็นสิวหายจากการเป็นสิว เป็นต้น

7. การแสดงให้เห็นชุดของการแก้ไขปัญหาเรื่อง (Vignette or service of problem) คือ การนำเสนอปัญหาที่หลากหลายสามารถแก้ ปัญหาได้ด้วยสินค้าที่โฆษณา เช่น การโฆษณายาหม่อง สามารถแก้ไขปัญหาเรืองการปวด ที่หลากหลาย การโฆษณาของครีมทาผิวที่แก้ปัญหาผิวหยาบกร้าน มือ เท้า น่อง แขนขา น้ำยาทำความสะอาด ที่สามารถทำความสะอาดครัว พื้นบ้าน ห้องน้ำ หรือพื้นผิวทุกชนิด เป็นต้น

8. การใช้การเปรียบเทียบ (Competitive) การนำสินค้าที่โฆษณาไปเปรียบเทียบกับสินค้าที่เป็นคู่แข่งในลักษณะที่ชี้ให้เห็นว่า ดีกว่าอย่างไรบ้าง เช่น โฆษณาของน้ำยาล้างจานซันไลต์ ชี้ให้เห็นว่าสามารถล้างจานกองโตให้สะอาด หมดคราบ อย่างรวดเร็ว แม้ภาชนะจานชามที่มีไขมันจับ

9. การใช้การสาธิต (Demonstration) เป็นการนำเสนอเนื้อเรื่องที่แสดงให้เห็นถึงวิธีการทำงานสินค้า โดยเฉพาะประสิทธิภาพการทำงานของสินค้า ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่น โฆษณาตู้เย็นว่ามีโครงสร้างทนกรด โดยการเอาตู้เย็นไปแช่ในทะเล ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์หลังจากใช้น้ำมันเรื่องประสิทธิภาพการทำงานของผงซักฟอกที่สามารถขจัดคราบไคลเลือด สิ่งสกปรกที่ฝังแน่น เป็นต้น นอกจากนั้นแล้ว การนำเสนอเนื้อเรื่องโดยการสาธิต ยังสามารถจำแนกได้อีกครั้ง ดังนี้

9.1 การสาธิตโดยการเปรียบเทียบกับคู่แข่งขัน (Comparative demonstration) คือ การสาธิตประสิทธิภาพการทำงานของสินค้า 2 อย่าง เปรียบเทียบกัน
9.2 การสาธิตเชิงปฏิบัติการ (Operational Demonstration) คือ การสาธิตโดยการแสดงให้เห็นเป็นขั้นเป็นตอน ในประสิทธิภาพการทำงานของสินค้าเช่นสาธิตให้เห็นการทำงานของผ้าอ้อมที่รองรับความชื้นได้มาก ไม่ไหลย้อนกลับ เด็กแห้งสบายตัว ไม่ตื่นตลอดคืน
9.3 การสาธิตเกินจริง (Dramatization Demonstration) คือ การสาธิตที่ใช้เนื้อเรื่องในการานำเสนอเกินจริง เพื่อที่จะได้เห็นคุณสมบัติที่เด่นของสินค้า เช่นการโฆษณาของมันฝรั่งกรอบ ที่กรอบเต็มแผ่น สามารถขว้างออกไปได้เหมือนอาวุธของนินจา และย้อนกลับมาได้ เต็มแผ่นอย่างเดิม เป็นต้น
9.4 การสาธิตแบบกราฟฟิก (Graphic Demonstration) คือ การนำกราฟฟิกมาใช้ในงานสาธิต สำหรับสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า โดยการนำกราฟฟิกเข้ามาช่วยในการสาธิต ให้เห็นประสิทธิภาพของสินค้า เช่น การทำงานของแอร์คอนดิชั่น การไหลเวียนของความเย็น การทำงานของเครื่องซักผ้า การทำงานของเครื่องยนต์ เป็นต้น
9.5 การนำสินค้าไปทดสอบ (Product ‘n’ test)

10. การใช้สารคดี (Documentary) การนำเสนอประวัติ ตำนานของบริษัท สินค้า การได้มาซึ่งวัตถุดิบ กระบวนการผลิต ขั้นตอนการผลิตสินค้า การออกแบบ การบรรจุหีบห่อ แทนที่จะนำเสนอในรูปแบบภาพยนตร์โฆษณาที่จัดทำในรูปแบบสารคดี

11. การใช้แฟนตาซี (Fantasy) การนำเสนอในรูปแบบความฝันเป็นเทพนิยาย ความเพ้อฝัน ใช้โฆษณาขายสินค้าประเภทสวยงาม

12. การใช้สัญลักษณ์ (Symbolic) การสร้างสัญลักษณ์ขึ้นมา แล้วนำสัญลักษณ์มาเป็นตัวแทนของสินค้า เช่น เสือผู้ทรงพลังดุจน้ำมัน เครื่องเอสโซ่ที่ทำให้รถยนต์เกิดพลังสูงสุด เช่น พลังเสือ ใบโพธิ์ที่มีการแผ่กิ่งก้านเป็นสัญลักษณ์ของธนาคารไทยพาณิชย์ ที่สะท้อนความมั่นคงของธุรกิจ

13. การใช้วิธีอุปมาอุปไมย (Analogy) คือ การใช้วิธีการเปรียบเทียบ ในลักษณะของการเปรียบเทียบว่าดีเหมือนกับอะไร เช่น โฆษณาของลูกอมฮอลส์บอกว่าเย็นเหมือนอาบน้ำตก เป็นต้น

14. การใช้วิธีการร้องเล่นเต้นรำ (Production number) คือ การนำเสนอในรูปแบบของการร้องเล่นเต้นรำ โดยใช้เสียงเพลง ดนตรี เช่น โฆษณาของธนาคารกรุงไทยที่มีการร้องเล่นเต้นรำ ชุดเงินที่สังคมหมุนไป

Experience Thailand Once in A Lifetime

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สารคดียอดเยี่ยม และ กำกับภาพยอดเยี่ยม UNESCO AWARD

















Thailand’s Sawan Baan Na (Agrarian Utopia) won the UNESCO Award for outstanding contribution to the promotion and preservation of cultural diversity through film and the Award was accepted by the filmmaker, Uruphong Raksasad. This is the first year that Thailand has been nominated in the APSAs

"รางวัล Asia Pacific Screen Awards ครั้งที่ 3"อย่างที่ทราบ มีหนังไทย 2 เรื่องคือ "พลเมืองจูหลิง" และ "สวรรค์บ้านนา" เข้าชิงรางวัล "หนังสารคดียอดเยี่ยม" และ "กำกับภาพยอดเยี่ยม" (ตามลำดับ)แม้ทั้งสองเรื่องจะไม่ได้รางวัลในสาขาที่ตนเข้าชิง แต่เรื่อง "สวรรค์บ้านนา" ของผู้กำกับ "อุรุพงษ์ รักษาสัตย์" ก็ได้รับรางวัลพิเศษ UNESCO AWARD (หนังส่งเสริมและอนุรักษ์ความหลากหลายทางวัฒนธรรม)

BEST DOCUMENTARY FEATURE FILM
- Polamuang Juling (Citizen Juling), Thailand, Produced by Ing K, Manit Sriwanichpoom and Kraisak Choonhavan- Hashmatsa (Defamation), Israel / Austria / Denmark / USA, Produced by Knut Ogris, Karoline Leth, Sandra Itkoff and Philippa Kowarsky
- Gandhi's Children, Australia, Produced by David MacDougall
- L'important, c'est de Rester Vivant (Survive, In the Heart of the Khmer Rouge Madness), Cambodia / France, Produced by Gerard Lacroix, Leslie F. Grunberg, Gerard Pont, Co-Produced by Rosane Chan, Antoine Martin
- Seishin (Mental), Japan / USA, Produced by Kazuhiro SodaACHIEVEMENT IN

CINEMATOGRAPHY
- Uruphong Raksasad for Sawan Baan Na (Agrarian Utopia), Thailand
- Cao Yu for Nanjing! Nanjing! (City of Life and Death), People’s Republic of China
- Ali Mohammad Ghasemi for Cheraghi Dar Meh (A Light in the Fog), Islamic Republic of Iran
- Alisher Khamidhodjaev and Maxim Drozdov for Bumaznyj Soldat (Paper Soldier), Russian Federation
- Alexei Arsentiev for Volchok (Wolfy), Russian Federation













หนังไทย "สวรรค์บ้านนา" คว้ารางวัลจากงานภาพยนตร์เอเชีย-แปซิฟิก (จาก มติชนออนไลน์)
...
เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่โกลด์ โคสต์ เมืองบริสเบน รัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ได้มีการจัดงานประกาศรางวัล "เอเชีย แปซิฟิก สกรีน อวอร์ดส์" ประจำปี พ.ศ.2552 ซึ่งมีภาพยนตร์ไทยนอกกระแสสองเรื่องได้เข้าชิงรางวัลในครั้งนี้ด้วย ได้แก่ "พลเมืองจูหลิง" ผลงานการกำกับของสมานรัชฎ์ (อิ๋ง) กาญจนะวณิชย์, มานิต ศรีวานิชภูมิ และไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ซึ่งถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม และ "สวรรค์บ้านนา" ผลงานการกำกับของอุรุพงษ์ รักษาสัตย์ ซึ่งถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลกำกับภาพยอดเยี่ยม ผลปรากฏว่า ภาพยนตร์เรื่องสวรรค์บ้านนาของอุรุพงษ์สามารถคว้ารางวัลพิเศษ "ยูเนสโก อวอร์ด" จากคณะกรรมการไปครอบครอง โดยรางวัลดังกล่าวมอบให้แก่ผลงานภาพยนตร์ที่ส่งเสริมและอนุรักษ์ความหลากหลายทางวัฒนธรรม
...
อุรุพงษ์ รักษาสัตย์ เป็นบัณฑิตสาขาภาพยนตร์จากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้เกิดมาในครอบครัวชาวนาที่ อ.เทิง จ.เชียงราย ก่อนหน้านี้หนังเรื่องสวรรค์บ้านนาของเขาสามารถคว้ารางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์ระดับนานาชาติมาได้หลายรางวัล หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดภาพชีวิตของชาวนาสองครอบครัวผู้ซึ่งที่นาถูกยึด ต่อมาพวกเขาได้มาร่วมทำนาบนผืนดินเแผ่นเดียวกัน และหวังว่าจะสามารถผ่านชีวิตหนึ่งปีของการทำนาไปได้เหมือนเช่นทุก ๆ ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าไม่ว่าโลก ประเทศ หรือสภาพเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม จะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน ชาวนาเหล่านี้ก็ยังไม่สามารถนึกฝันถึงวิถีแห่งความไม่ทุกข์ยากได้ สุดท้ายหนังพยายามตั้งคำถามว่า "เราจะฝันถึงโลกอุดมคติได้อย่างไร ขณะที่ท้องยังหิวอยู่"
...
คลิกดูรางวัลทั้งหมดได้ที่นี่
ข่าวจาก wisekwai
รายชื่อหนังที่เข้าชิงทั้งหมด (37 เรื่อง จาก 16 ประเทศในภูมิภาค)
โฉมหน้าคณะกรรมการนานาชาติ
ข้อมูลหนัง พลเมืองจูหลิง
เรื่องเล่าจาก อุรุพงศ์ รักษาสัตย์ (ฉบับอู้กำเมือง)
ข้อมูลหนังสวรรค์บ้านนา
agarian utopia review

http://filmsick.exteen.com/20091017/entry
http://twitter.com/filmsick
http://www.onopen.com/littleprince2/09-10-21/5081

http://www.thaicinema.org/filmshow2009.asp
http://www.thaicinema.org/interview13_agarian.asp
http://www.thaicinema.org/link.asp

ฟังเพลง การท่องเที่ยวไทย

Experience Thailand Once in A Lifetime
ขับร้องโดยวงสวนพลู

Experience Thailand

(ช)เดินทางสู่จุดหมาย เติมประสพการณ์ยิ่งใหญ่ ครั้งหนึ่งในชีวิต ดินแดนแห่งความฝัน มหัศจรรย์ยิ่งกว่า สวรรค์ใดๆ ตาตรึงกับทิวเขา ยืนคุยกับปุยเมฆหมอก ครั้งหนึ่งในชีวิต ฟังเพลงจากธารน้ำ ทำนองนุ่มนวลจากพื้นดิน ไหลรินตื่นตา

(ญ)ทะเลจะคอยต้อนรับ ฟ้างามจะกางอ้อมกอด ความบริสุทธิ์รายล้อม เหนือจินตนาการ เดินทางอยู่กลางรอยยิ้ม พบเจอเรื่องราวที่งดงาม เดินทางสู่ครั้งหนึ่งในชีวิต

(ช)ตามรอยและเรียนรู้ มรดกบนพื้นโลก ครั้งหนึ่งในชีวิต ตำนานที่จารึก พลังศรัทรายิ่งใหญ่ มานับพันปี นาทีแห่งมนต์ขลัง รอคอยให้มาสัมผัส ครั้งหนึ่งในชีวิต ยาวนานด้วยความรัก ยืนยงด้วยอารยะธรรม ลึกล้ำจากใจ

(ญ)ดินแดนที่เป็นเมืองฟ้า นครแห่งความรุ่งเรือง ดังความสว่างไสว ร่มเย็นในวิญญาณ เดินทางอยู่กลางรอยยิ้ม พบเจอเรื่องราวที่งดงาม เดินทางสู่ครั้งนึงในชีวิต

(ช)คืนวันที่สดใส คืนวันเปียกปอนชุ่มฉ่ำ ครั้งนึงในชีวิต คือคืนที่วาววับ เปลวเทียนแห่งความหวานชื่น ระยิบเรียงราย คือโลกที่เวียนหมุน คือมุมที่เจอเพื่อนใหม่ ครั้งนึงในชีวิต ดูแลด้วยไมตรี คำสวัสดีจากหัวใจ

ทักทายผูกพัน ยินดีที่ได้ต้อนรับ ให้เธอได้นอนฝันดี และได้จดจำวันนี้ ไว้นานเท่านาน เดินทางอยู่กลางรอยยิ้ม พบเจอเรื่องราวที่งดงาม เดินทางสู่ครั้งหนึ่งในชีวิต เดินทางอยู่กลางรอยยิ้ม พบความเบิกบานในหัวใจ เมืองไทย ครั้งนึงในชีวิต

http://thai.tourismthailand.org/theme-song/content-567-1.html
<คลิ้กเพื่อดาวน์โหลด>

เพลง 5 ภาคครื้นเครง ร้องบรรเลงทั่วไทย
สุเมธ องอาจ, สุกานดา บุญธรรมนิก

เป็นเพลงที่ใช้ในพิธีเปิดงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ประจำปี 2552 ณ อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ความยาว 16 นาที คลิกเพื่อดาวน์โหลด

เนื้อเพลง
ภาคเหนือ
เที่ยวเมืองไทย สว๋างอ๊กสว๋างใจ๋แอ่วตังใด ยะหื้อหัวใจ๋ รื่นรมย์ปะเป๋หนี๋งาม และความเป๋นอยู่ เฮาเหมาะสมปู้คนชื่นชม ว่าหมู่เฮา งามน้ำใจ จวนแอ่วป้ากเหนือ ขึ้นดอย ไปไหว้พระไปแอ่วกันนะ ให้เงินตราอยู่ในไทยธรรมชาติงดงาม ป่าทิวเขา ทอดยาวไกลพักผ่อนหย่อนใจ ชวนแอ่วไทย ให้คึกคัก เที่ยวเมืองไทย สว๋างอ๊กสว๋างใจ๋ชวนแอ่วเมืองปาย เปื้อนหญิงชาย หลายคนแอ่วเขาชาวดอย เขาปลูกพืชผัก มากผลเกษตรตำบล หลากหลาย โครงการ มีงานทำ เฮาอยู่เมืองไทย ต้องช่วยคนไทย ให้ฟื้นให้เศรษฐกิจ กลับคืน พลิกพื้นขึ้นมาใหม่ฮ่วมสร้าง ฮ่วมทำ ฮ่วมส่งเสริมท่องเที่ยวไทยจะอยู่ตีใด ก็เที่ยวไทยให้คึกคัก เชิญแอ่วบ้านเฮา ให้เงินตรากลับคืน เที่ยวไทยครึกครื้น ให้เศรษฐกิจไทยคึกคัก

ภาคใต้
ลง ลง มา ต๊ะน้อง ลองมาเที่ยวที่ภาคใต้มาต๊ะพี่หลวง ไปแลเล เติ้นเอาหม้ายเกาะแก่ง ภูเขา มีลำธาร พรรณป่าไม้ไม่ใกล้ ไม่ไกล แวะปักษ์ใต้บ้านเรา ประเพณี เดือนสิบ งานชักพระ แข่งเรือพายกราบพ่อท่านคล้าย พระธาตุน้อยคลองจันดีแข๊บ แข๊บ มาศึกษา แหล่งธรรมะ ประเพณี ใต้ร่มเย็นวันนี้ ทุกเชื้อชาติรักกัน

* เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคักยินดีต้อนรับ ด้วยมิตรไมตรี ขอบคุณทุกคน ร่วมสามัคคีช่วยชาติทั้งที ทั้งปีเที่ยวไทย เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคักยินดีมากๆ ร่วมด้วยช่วยกัน ขอบคู๊น ขอบคุณ ขอบใจอย่างแรงเลือดไทยสีแดง รวมใจเป็นหนึ่ง กินลูกตอ หนอเหรียง ลูกเนียง แกงพุงปลากินหนมจีนน้ำยา เคียงผักเหน๊าะ ปลาแกงเหลือง กินปลาฉิ้งฉั้ง หมูย่าง หรอยจังฮู้คั่วกลิ้ง น้ำบูดู เผ็ดหู้จี้ อย่างแรง แลหนังลุง หนังฉาย โนราห์ใต้ หมั้นน่าดูแล ดิเก ฮูลู แข่งนกเขา ที่เมืองใต้ แวะชมเรือกอและ แลรอง แง็ง แข่งชนวัวรีบมาเยือนด้วยตัว ชมสวรรค์ แดนใต้

เงินทองหมุนเวียน อยู่ในเมืองไทย ไม่รั่วไม่ไหล ให้ไทยเสียดุลย์เงินทองหมุนเวียน อยู่ในเมืองไทย ไม่รั่วไม่ไหล เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก

ภาคอีสาน
(บอม)
เชิญ เชิญ เชิญ ม่วนซื่นโฮแซว อีสานบ้านเฮาแผ่นดินเป็นถิ่นของเรา เซินม๊ะ บ่าวสาว มาม่วนอีสานฮวมน้ำใจ มาเที่ยวเมืองไทย ด้วยใจชื่นบานชวนลูกชวนหลาน มารฮ่วมสืบสาน เที่ยวงานบ้านเฮา(บอม) ประเพณีงาม สืบต่อกันมา คำผญาอีสานฝึกฝนไม่บ่นเกียจคร้าน สร้างหลักปักฐาน สร้างงาน สร้างคนแหล่งฮวม หัวใจ พ่อ แม่ พี่ ไทย อีสาน อดทนฮ่วมใจ เฮาไม่มีจน ฮ่วมกันทุกคนฮ่วม ท่องเที่ยวไทย*** เที่ยวเมืองไทย ช่วยไทย ให้ฟื้น ให้เงินไหลเวียนบ้านเฮาเที่ยวอีสาน เที่ยวภู เที่ยวเขา เที่ยวในบ้านเฮา ให้มันเต็มที่ อบอุ่นใจ ฮักในรอยยิ้ม ฮักในสายเลือดที่มีพร้อมใจ ให้เมืองไทยนี้ อยู่ดีกินดี ตลอดทั้งปี เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก
(บอม)

พร้อมใจ ให้เมืองไทยนี้ อยู่ดีกินดี ตลอดทั้งปี เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก

ภาคตะวันออก
ตะวันออก มีภูเขาทอดยาว เรียงฝั่งชายทะเลเกาะแก่ง แหล่งเมืองสวรรค์หาดทราย แสงประกาย หักเหคลื่นเกลียว สวยงาม แหล่งอาหารฟ้าคราม แหล่งดำน้ำ ดูปะการัง

แหล่งดี มีผลไม้ดังทุเรียน เงาะ อร่อยล้ำของฝาก มากมาย เยอะจังกี่ครั้ง ก็ยังลืมไม่ลงได้ไปครั้งใด ภาคตะวันออกของไทยไม่มีที่ไหน สวยเกินบ้านเรา

ชวนไทย เที่ยวไทย อุดหนุนไทย ช่วยไทยแข็งแกร่งของดี ไม่แพง ร่วมแรงคนไทยไปซื้อกัน พืชผักของกิน และอาหารที่มีร้อยพัน ที่เราจ่ายเงินนั้น มันกลับมาหมุนเวียนบ้านเรา ร่วมใจไปเที่ยวไปซื้อ ไปเที่ยวภาคตะวันออกกันแหล่งดีดังแดนสวรรค์ งามแสนงาม ให้ใจสดชื่น ของดีมีอีกมากมาย ทั่วเมืองไทยอย่าไปที่อื่นเที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก

ของดีมีอีกมากมาย ทั่วเมืองไทยอย่าไปที่อื่นเที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก

ภาคกลาง
เรามาร่วมใจ ท่องเที่ยวไทยร่วมแรงใจ เที่ยวไทยคึกคักช่วยพี่น้อง ช่วยคนไทยชวนกันไปเที่ยวไทย บ้านเรา

ซื้อกินซื้อใช้ อุดหนุนคนไทยมาช่วยไทย ไปท่องเที่ยวกัน เรามาร่วมใจ ท่องเที่ยวไทย ช่วยกันไว้ คนไทยด้วยกันเที่ยวครึกครื้น ให้คึกคัก ช่วยให้เงินกลับมาบ้านเรา

ช่วยกินช่วยใช้ อุดหนุนคนไทยเศรษฐกิจไทย เราต้องช่วยกัน ภาคกลางของเรา แหล่งสวยงาม ในน้ำมีปลาในนามีข้าวใช้ชีวิต พอเพียง ของเรา อยู่อย่างไทย ด้วยใจร่มเย็น ตกเป็นฝน ชุ่มฉ่ำ ปักและดำกล้าเป็นต่างสุขใจ ไม่มีทุกเข็ญ เราอยู่เมืองไทย สุขใจทุกคน

Hook วัดวาอาราม แหล่งสวยงาม อยุธยานั้นเป็นเมืองเก่าแวะไหว้พระ ให้ชีวิตเรา ก้าวต่อไป น้อมนำทำดีได้พบเห็น แสงสว่าง สู่หนทางมั่งมีเที่ยวภาคกลาง เชิญมา น้องพี่ หลายสิ่งที่มี ของดีเมืองไทย

Hook วัฒนธรรม ประเพณีไทย งานวัดงานบุญเรามาช่วยกัน คนละน้อยละมือ ละอันต่างร่วมกัน เป็นน้ำใจเดียวยามเกิดทุกข์ ช่วยกัน ยามสุขสันต์ กลมเกลียวอยู่เมืองไทย อย่าไปไหนเชียวขอเชิญมาเที่ยว ภาคกลางของเรา

Hook เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก


เพลงเที่ยวทั่วไทย (ปี 2539)
ขับร้อง : นัท มีเรียคำร้อง/ทำนอง : นกชนเรียบเรียง : รามจิตติ หงสกุล

ไปเติมความสดใสให้ตัวเรา ทำตัวทำใจให้เบาล่องลอยไป ยังมีอะไรที่ดีทั้งใกล้ไกล ที่รอให้เราได้พบเจอ ลองขึ้นดอยพักนอนที่กลางป่า ชมหมู่ดาวแสนงาม นอนหาดทรายขาวนวลทะเลคราม ตามที่ใจมันเรียกร้อง (ปล่อยใจลอยลมและตามไป) พบทุกอย่างที่เคยใฝ่ฝัน พบทุกอย่างที่ดีกว่าที่ใด เพราะทุกสิ่งมีในเมืองไทย ท่องเที่ยวไปให้ทั่วบ้านเรา จะไปไกลเท่าใดไม่เคยหวั่น ไปเจอคนไทยด้วยกันไม่เหงาเลย ยังคงเจอรอยยิ้มที่คุ้นเคย ไม่มีแห่งใดเหมือนบ้านเรา เมืองไทยที่งดงาม น้ำใจที่มีอยู่เปี่ยมล้น ยังคงรอทุกๆ คน ไปท่องเที่ยวให้ทั่วไทย
ดาวน์โหลดไฟล์เพลง คลิ๊กที่นี่

http://thai.tourismthailand.org/theme-song/index.php
http://thai.tourismthailand.org/photo-gallery/page-3.html
http://thai.tourismthailand.org/movie-clip-video/group-10.html

http://www.youtube.com/watch?v=lWUjUUKgt4Y
http://www.youtube.com/watch?v=EAJt5XVT2MU

about storyboard clips

http://www.youtube.com/watch?v=gu5o1SYpu1o&feature=related
http://www.youtube.com/watch?v=VlAr5JJ9Sy4&feature=related

http://www.youtube.com/watch?v=g5dOY5xZAcU&feature=SeriesPlayList&p=3DAF98DD93ACCAAC
http://www.youtube.com/watch?v=0hxoaikaHMA&feature=related

http://www.youtube.com/watch?v=gR2Gew1eN2M&feature=related
http://www.artofvisualising.co.uk/video.html

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

My girl

กรณีศึกษา ภาพยนตร์โฆษณาชุด My girl

เชื่อว่าหลายท่านคงยังไม่ลืมความซาบซึ้งตรึงใจของภาพยนตร์โฆษณาไทยประกันชีวิต ตั้งแต่ภาพยนตร์โฆษณาชุด Peace of Mind Everlasting Love เรื่อยมาจนถึง ลูกพ่อ ที่เน้นแนวคิดคุณค่าของชีวิต และคงทำให้หลายคนได้ฉุกคิดว่าคุณมอบความรัก ความเอาใจใส่แก่คนที่รักมากน้อยเพียงไหน รวมถึงโฆษณาชุด เพื่อน ที่เป็นโฆษณาเสริมสร้างภาพลักษณ์ตัวแทน จนถึงไตรมาสสุดท้าย ไทยประกันชีวิตเดินเกมการตลาดอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ My Girl กำหนดออกอากาศตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป และถือเป็นภาพยนตร์ส่งท้ายปี ๒๕๔๙ โดยยังคงแนวคิด คุณค่าแห่งชีวิต หรือ Value of Life แต่ต่อยอดแนวคิดสู่ Value of Life and Love ความรัก ความห่วงใยและการดูแลซึ่งกันและกัน

รูปแบบการนำเสนอเป็นการนำเสนอผ่านมุมมองแห่งคุณค่าของความรักและการดูแลคนที่รัก โดยเฉพาะความรักและการดูแลของพ่อและแม่ที่มีต่อลูกอย่างไม่มีวันสิ้นสุดและไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าผู้เป็นลูกจะเป็นเช่นไรก็ตาม พ่อและแม่ก็พร้อมมอบความรักให้เสมอ

ภาพยนตร์โฆษณาเรื่องนี้ กล่าวถึงครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่ง ที่ผู้เป็นพ่อได้ค้นพบความมหัศจรรย์ของชีวิตนับตั้งแต่ลูกสาวของเขาลืมตาดูโลก เขาสัญญากับตัวเองว่าจะรักและดูแลเธอจวบจนวาระสุดท้าย การดำเนินเรื่องสามารถถ่ายทอดความรัก ความผูกพันที่พ่อมีต่อลูกสาวได้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งน้อยครั้งนักที่เราจะมีโอกาสได้สัมผัส เนื่องจากพ่อมักแสดงออกซึ่งความรักและความผูกพันได้ไม่เด่นชัดเท่าแม่ จะด้วยความเป็นเพศชายหรือความผูกพันระหว่างลูกที่มักมีต่อแม่ตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์ก็ตาม

จุดพลิกผันของเรื่องเกิดเมื่อลูกสาวที่อยู่ในช่วงวัยรุ่น พลาดพลั้งมีความสัมพันธ์กับเพื่อนชายจนตั้งครรภ์ และกลายเป็นเรื่องที่สร้างความปวดร้าวให้แก่พ่ออย่างแสนสาหัส ครอบครัวนี้จึงจำเป็นต้องตัดสินใจว่าจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร

โฆษณาเลือกจบด้วยการสื่อถึงความรักและการดูแลที่ไม่มีเงื่อนไข ผู้เป็นพ่อเลือกที่จะดูแลลูกของลูกสาวด้วยความรัก เช่นเดียวกับไทยประกันชีวิตที่ยึดมั่นในการดูแลชีวิตของผู้เอาประกันเสมอมา

โจทย์แรกที่ได้จากไทยประกันชีวิต คือ ต้องการสื่อถึงความมหัศจรรย์ของชีวิต หรือ Life is Miracle ขณะเดียวกันต้องคงคอนเซ็ปต์คุณค่าของชีวิตซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์หลักไว้ เลยนึกถึงความมหัศจรรย์จากการถือกำเนิดของชีวิตๆ หนึ่ง ความรู้สึกรักและผูกพันของพ่อที่เห็นหน้าลูกสาวครั้งแรก ได้สัมผัส ได้โอบกอด มันเป็นความมหัศจรรย์ที่ไม่สามารถทดแทนได้ด้วยคำพูดใดๆ กรณ์ เทพินทราภิรักษ์ Executive Creative Director บริษัท โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ แอ็ดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด กล่าว

ขณะเดียวกันภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ นอกจากจะสื่อถึงคุณค่าของความรักแล้ว ยังต้องการให้แง่คิดแก่วัยรุ่น โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร อันจะนำมาซึ่งผลกระทบต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ ปัญหาการทำแท้ง หรือปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งปัญหาเหล่านี้เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นในสังคมไทย และกลายเป็นปัญหาที่บั่นทอนความมั่นคงของสถาบันครอบครัว

หากติดตามชมภาพยนตร์โฆษณาของไทยประกันชีวิตทุกชุดที่ผ่านมา จะพบว่าภาพยนตร์โฆษณานอกเหนือจากทำหน้าที่สร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อแบรนด์ไทยประกันชีวิตแล้ว ยังกระตุ้นให้คนในสังคมเกิดการเรียนรู้และตระหนักคิด อันเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์สังคมไทย จึงคาดหวังว่าภาพยนตร์โฆษณาชุดล่าสุด My Girl จะช่วยกระตุ้นเตือนเยาวชนไม่ให้หลงกระทำในสิ่งผิด แต่หากมีปัญหาเกิดขึ้นควรเลือกปรึกษาพ่อแม่เป็นอันดับแรก ขณะเดียวกันยังเป็นสิ่งย้ำเตือนให้คนเป็นพ่อแม่เข้าใจและให้ความใกล้ชิดกับลูกมากขึ้น

เพราะเราต้องไม่ลืมว่าสังคมจะแข็งแรง ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว ขณะเดียวกันการสร้างหลักประกันที่มั่นคงแก่คนในครอบครัวก็เป็นสิ่งสำคัญ โฆษณาชุดนี้จึงช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดี เพื่อให้ไทยประกันชีวิตกลายเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจผู้บริโภค
ขอขอบคุณข้อมูลจาก บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด

ภาพของหญิงสาวพนมมือกล่าวขอโทษพ่อ ด้วยน้ำตาอาบแก้ม ในฉากหนึ่งของโฆษณาชุด “My girl” บริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่งทำให้ผู้ชมจำนวนมากพูดถึงโฆษณาชุดนี้อย่างกว้างขวาง

กระแสส่วนใหญ่พูดถึงความประทับใจที่มีต่อตัวละครเด่น คือ “พ่อ” แต่โฆษณาชุดนี้มีสิ่งอื่นที่มองเห็นมากกว่าจากจอโทรทัศน์ สิ่งเหล่านี้คืออะไร??

โฆษณาประกัน กับ การตั้งครรภ์ในวัยเรียน???
แม้โฆษณาชุด My Girl จะสร้างความประทับใจให้กับหลายๆคน แต่ My Girl ก็ทำให้คนส่วนหนึ่งเกิดความไม่เข้าใจบางประการ หนึ่งในนั้นคือสงสัยว่าเรื่องการตั้งครรภ์ในวัยเรียนเกี่ยวข้องอะไรกับโฆษณาประกันชีวิต

ผศ.กัลยกร วรกุลลัฏฐานีย์ อจารย์คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่าโฆษณาชุดที่ผ่านๆ มาของบริษัทเน้นการนำเสนอเรื่องความไม่มั่นคงในชีวิต และการหาหลักประกันให้กับครอบครัว โฆษณาชุดก่อนๆ จึงมุ่งขายตัวผลิตภัณฑ์ ในขณะที่โฆษณาชุด My Girl เน้นส่งเสริมภาพลักษณ์ขององค์กรมากกว่าการขายผลิตภัณฑ์

โฆษณาชุดนี้พัฒนาตัวสารให้หนักแน่นขึ้น โดยนำเสนอประเด็นปัญหาในสังคม พร้อมทั้งสื่อสารภาพลักษณ์องค์กรว่าเข้าใจและห่วงใยสังคมได้อย่างกลมกลืน โฆษณานี้สื่อสารได้ชัดเจนมากในเรื่องการเข้าใจวัยรุ่นและการเรียนรู้ที่จะให้อภัยกันในครอบครัวหากลูกทำผิดพลาด โฆษณานี้จึงเข้าถึงผู้ชมได้ไม่ยาก

ส่วนเหตุที่โฆษณานี้สามารถจับใจคนได้จำนวนมาก เนื่องจากการเลือกประเด็นปัญหาในครอบครัว ซึ่งเป็นสถาบันที่คนไทยผูกพันมาก อีกทั้งยังเป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกซึ่งกระทบใจผู้ชมได้ง่าย โฆษณาสามารถดึงเรื่องการตั้งครรภ์ในวัยเรียนให้ใกล้ชิดกับผู้ชมได้ ว่าเรื่องนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกครอบครัว

นอกจากนี้โฆษณานี้ยังทำให้ผู้ชมรู้สึกมีส่วนร่วมโดยการเป็นส่วนหนึ่งในโฆษณา โดยเลือกได้ว่าจะเป็นพ่อแม่แบบไหน แบบที่เข้าใจลูกหรือไม่เข้าใจ

หากโฆษณานี้มีภาคต่อ...
ตอนจบของโฆษณา My Girl ทำให้ผู้ชมซาบซึ้งใจ จนกระทั่งบางคนอาจหลั่งน้ำตาให้กับความรักของพ่อที่มีต่อลูก ทว่าในชีวิตจริง เรื่องราวคงไม่จบลงเพียงเท่านี้ ชีวิตของตัวละครยังมีฉากต่อที่ต้องก้าวผ่านไป

สมวงศ์ อุไรวัฒนา รองผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ (ACCESS)
กล่าวว่าโฆษณานี้จบลงด้วยความสุข ผู้เป็นพ่อยอมรับและจะดูแลลูกต่อไป แต่ในชีวิตจริงอาจจะไม่จบลงด้วยความสุขเช่นนี้ เพราะทางเลือกในเชิงปฏิบัติมันมีหลายแบบ สถานการณ์จริงอาจจะไม่เป็นไปตามทางเดินของโฆษณาก็ได้

โฆษณานำเสนอเพียงมุมมองเดียวและเสนอเพียงความคิดเดียว ไม่มีความคิดอื่นๆ ต่อเนื่องไปจากนั้น เช่น โฆษณาไม่ได้บอกเลยว่า หากเด็กเลือกที่จะทำแท้งจะเป็นอย่างไร ต่อไปชีวิตของเด็กคนนี้จะดูแลชีวิตใหม่ที่จะเกิดขึ้นอย่างไร ต่อไปเขาจะได้กลับไปเรียนหนังสือไหม พ่อของเด็กจะเป็นอย่างไร จะกลับมาแต่งงานกับแฟน หรือว่าจะหายหน้าไปเลยทิ้งให้ผู้หญิงรับผิดชอบคนเดียว แล้วญาติ เพื่อน ครูของเขาที่โรงเรียนจะว่าอย่างไร นี่คือความคิดต่อเนื่องที่โฆษณาไม่ได้นำเสนอ

นอกจากนี้โฆษณายังบอกให้เห็นว่า เด็กในวัยเรียนก็ตั้งครรภ์ได้ ทั้งๆ ที่ครอบครัวก็ดูอบอุ่น นั่นแสดงว่าการมีครอบครัวอบอุ่นหรือครอบครัวแตกแยกก็อาจเกิดปัญหาได้เท่าเทียมกัน ประเด็นสำคัญที่ตามมาที่ผู้ชมควรคิดต่อ คือการแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีกอย่างถูกวิธี จะต้องให้ความรักและรู้จักเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

Ending ที่ไม่ Happy อย่างในโฆษณา
ถ้าชีวิตจริงจบอย่าง Happy Ending เหมือนในโฆษณาได้ก็คงดี แต่เด็กสาวที่ตั้งครรภ์ในวัยเรียนยังต้องพบอุปสรรคในชีวิตอย่างต่อเนื่อง ปัญหาสำคัญเรื่องหนึ่งคือเรื่องการศึกษา ซึ่งสำคัญที่สุดสำหรับอนาคตของเยาวชน

อาจารย์ฝ่ายปกครอง (ขอสงวนนาม) โรงเรียนมัธยมศึกษา กรุงเทพฯ ให้ความเห็นว่า ถ้าหากครูทราบว่าเด็กมีเพศสัมพันธ์กันแล้ว จะเกิดคำถามขึ้นมาเลยว่า เด็กท้องแล้ว หรือยังไม่ท้อง?ถ้าท้อง โรงเรียนต้องเชิญผู้ปกครองมาคุย ถ้ายังไม่มีใครในโรงเรียนรู้เรื่องนี้ก็ดีไป โรงเรียนจะช่วยปิดข่าวให้ เด็กก็จะมีทางเลือกสองทาง คือ ถ้าอยากเรียนที่โรงเรียนต่อก็ต้องไปทำแท้ง จึงจะกลับมาเรียนได้ แต่ถ้าจะเอาลูกไว้ก็ต้องลาออกไป แม้จะไปคลอดลูกแล้วโรงเรียนก็ไม่รับกลับเข้ามาเรียนอีก เพราะเป็นกฎของโรงเรียน ถ้าอยากเรียนก็ต้องไปเข้าการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) เอา เด็กกับผู้ปกครองต้องเลือกว่า จะเอาชีวิตลูกในท้องหรือเอาอนาคตเด็กไว้ แต่ส่วนใหญ่ของเด็กที่ตัดสินใจคลอดมักจะไม่ได้กลับมาเรียน เพราะติดพันที่ต้องเลี้ยงลูกต่อ

ส่วนถ้ายังไม่ท้อง แต่โรงเรียนสืบได้ว่าเด็กมีเพศสัมพันธ์กัน ถึงแม้จะไปมีอะไรกันนอกโรงเรียน โรงเรียนก็ต้องเรียกมาจัดการอยู่ดี เชิญผู้ปกครองมารับทราบด้วย ถ้าคุยกันรู้เรื่อง โรงเรียนก็อาจจะแค่ทำทัณฑ์บนไว้

การช่วยแก้ปัญหาให้เด็กของโรงเรียนขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ถ้าเป็นเด็กดีโรงเรียนก็อยากช่วยเต็มที่ แต่ถ้าเด็กมีปัญหามีความประพฤติไม่ดี โรงเรียนก็อาจให้ออกตั้งแต่คราวแรก และในกรณีที่เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงเป็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกัน ตามกฎโรงเรียนจะให้ออกจากโรงเรียนทั้งคู่ แต่ในความเป็นจริง เราจะให้เลือกให้คนใดคนหนึ่งออก ส่วนใหญ่ก็มักเป็นเด็กผู้หญิง เพราะทนอายจนอยู่ไม่ได้

การลงโทษขั้นให้ออกจากโรงเรียน ถ้ายังไม่จบการศึกษาภาคบังคับ คือ มัธยมต้น โรงเรียนจะช่วยหาโรงเรียนใหม่ให้ แต่พอไปอยู่ที่ใหม่แล้ว ทั้งโรงเรียนเดิมและโรงเรียนใหม่จะติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด ถ้าทำผิดอีกก็เจอโทษหนัก ส่วนนักเรียนมัธยมปลาย ต้องให้ไปเข้า กศน. มิฉะนั้นก็หาโรงเรียนใหม่เอง โรงเรียนเดิมจะไม่รับผิดชอบ

แหกกฎ - ให้โอกาส
การตั้งครรภ์ในวัยเรียน ไม่ใช่ความผิดร้ายแรง จนถึงกับต้องปิดกั้นโอกาสที่เยาวชนจะได้แก้ไขตัวเอง ดังนั้นเสียงจากเยาวชนส่วนหนึ่ง จึงเรียกร้องโอกาสทางการศึกษาสำหรับเด็กที่ตั้งครรภ์ในวัยเรียน

พัชระ ติกวัฒนานนท์ - นิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่ากรณีที่เด็กนักเรียนมีเพศสัมพันธ์กัน โรงเรียนไม่ควรมีบทลงโทษถึงขนาดไล่ออก แค่เรียกมาตักเตือนว่าการกระทำนั้นดีหรือไม่ดีอย่างไรก็น่าจะเพียงพอ และคิดว่าการมีเพศสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถ้าถึงกับท้องขึ้นมา โรงเรียนอาจต้องขอให้พักการเรียน พอคลอดแล้วหรือพร้อมกลับมาเรียน ก็ควรรับกลับเข้ามาเรียนได้ที่โรงเรียนเดิม ซึ่งเราน่าจะมีโรงเรียนสำหรับคนที่ท้องแล้วโดยเฉพาะ ถ้าเด็กที่ไปคลอดลูกแล้วกลับมาเรียนแต่ไม่สามารถเข้ากับสังคมในโรงเรียนได้ ก็ไม่ควรเป็นสาเหตุสำหรับการที่ต้องหมดโอกาสทางการเรียน

“การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ คนไร้การศึกษาเสียอีกที่เป็นบ่อเกิดของปัญหาหลายอย่างในสังคม เพียงเพราะเขามีปัญหา หากกีดกันให้เขาออกไปเผชิญปัญหาตามลำพัง อาจก่อให้เกิดปัญหาสังคมตามมา หรือพอเขามีปัญหา คุณจะช่วยหาทางลดปัญหานั้นลง เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาต่อเนื่องไปอีกเรื่อยๆ ทางไหนที่ดีกว่ากัน”

เด็กที่ท้องก็ควรมีโอกาสสำหรับอนาคต ไม่ควรตัดสินอนาคตอีกทั้งชีวิตของเขาจากความผิดพลาดในวัยเด็กเพียงครั้งเดียว

แม้ความรักความเข้าใจในครอบครัว และสถานศึกษาจะเป็นส่วนสำคัญสำหรับการแก้ไขเรื่องการตั้งครรภ์ในวัยเรียน สังคมเองก็เป็นส่วนสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน เมื่อคนในสังคมสามารถเข้าใจ ยอมรับ และให้โอกาส โลกอันสวยงามในโฆษณาก็อาจปรากฏให้เห็นได้ในชีวิตจริง

เรื่อง...โดยปิยสุดา อาชาสันติสุข, นวลนภา รุจิรามงคลชัย และ ณัฐ ฉมามหัทธนาคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่มา ผู้จัดการออนไลน์
http://4825003.multiply.com/video/item/11
credit: http://www.kosanathai.com/todaystalk/view.asp?mNewsID=306

http://www.sickplaylist.com/videos/โฆษณาไทย

พ่อมองเห็นเราเสมอ

การเล่าเรื่อง กรณีศึกษา TVC พ่อเห็นเราเสมอ

Credit Agency เดนท์สุ (ประเทศไทย)
Creative Group Head พิสุทธิ์ วงศ์พันธ์
Production House ฟีโนมีนา
Flim Director สาธิต กาลวันตวานิช

“ธุลีของแผ่นดิน” เรื่องราวของเด็กหญิงอายุ 12 ปีที่ เธอชื่อ มาลัยรัตน์ มั่นสัมฤทธิ์ ผู้ใช้ชีวิตอย่างอยากลำบากกับแม่ผู้เป็นอัมพาตและป่วยหนัก อาศัยอยู่ในยุ้งข้าวของเพื่อนบ้าน ที่ ต.หัวดง อ.เมืองพิจิตร ชีวิตที่แร้นแค้นจนแทบกลั่นน้ำตาทานต่างข้าว ไร้เงินทองที่จะเยียวยารักษามารดา ด้วยความกตัญญู เธอเลือกที่จะเขียนจดหมายที่ไร้การจ่าหน้า ไร้ซองและไร้แสตมป์ เพื่อขอความช่วยเหลือ วันแล้ววันเล่าที่เธอรอคอยอย่างเลือนรางจนแทบสิ้นหวัง แต่ในที่สุดความปิติก็เอ่อล้นในหัวใจดวงน้อยๆ ของเธอ เมื่อมีจดหมายตอบกลับจากสำนักราชเลขาธิการเพื่อแสดงเจตจำนงช่วยเหลือครอบครัวเธอ ภาพจดหมายของมาลัยรัตน์ปรากฏบนโต๊ะทรงงานของในหลวง ทำให้ใครหลายคนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ “พ่อมองเห็นเราเสมอ” ไม่ว่าเราจะเป็นเพียงองค์ประกอบเล็กๆ ของแผ่นดินก็ตาม