วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

กรณีศึกษา ภาพยนตร์โฆษณาชุด My girl

เชื่อว่าหลายท่านคงยังไม่ลืมความซาบซึ้งตรึงใจของภาพยนตร์โฆษณาไทยประกันชีวิต ตั้งแต่ภาพยนตร์โฆษณาชุด Peace of Mind Everlasting Love เรื่อยมาจนถึง ลูกพ่อ ที่เน้นแนวคิดคุณค่าของชีวิต และคงทำให้หลายคนได้ฉุกคิดว่าคุณมอบความรัก ความเอาใจใส่แก่คนที่รักมากน้อยเพียงไหน รวมถึงโฆษณาชุด เพื่อน ที่เป็นโฆษณาเสริมสร้างภาพลักษณ์ตัวแทน จนถึงไตรมาสสุดท้าย ไทยประกันชีวิตเดินเกมการตลาดอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ My Girl กำหนดออกอากาศตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป และถือเป็นภาพยนตร์ส่งท้ายปี ๒๕๔๙ โดยยังคงแนวคิด คุณค่าแห่งชีวิต หรือ Value of Life แต่ต่อยอดแนวคิดสู่ Value of Life and Love ความรัก ความห่วงใยและการดูแลซึ่งกันและกัน

รูปแบบการนำเสนอเป็นการนำเสนอผ่านมุมมองแห่งคุณค่าของความรักและการดูแลคนที่รัก โดยเฉพาะความรักและการดูแลของพ่อและแม่ที่มีต่อลูกอย่างไม่มีวันสิ้นสุดและไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าผู้เป็นลูกจะเป็นเช่นไรก็ตาม พ่อและแม่ก็พร้อมมอบความรักให้เสมอ

ภาพยนตร์โฆษณาเรื่องนี้ กล่าวถึงครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่ง ที่ผู้เป็นพ่อได้ค้นพบความมหัศจรรย์ของชีวิตนับตั้งแต่ลูกสาวของเขาลืมตาดูโลก เขาสัญญากับตัวเองว่าจะรักและดูแลเธอจวบจนวาระสุดท้าย การดำเนินเรื่องสามารถถ่ายทอดความรัก ความผูกพันที่พ่อมีต่อลูกสาวได้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งน้อยครั้งนักที่เราจะมีโอกาสได้สัมผัส เนื่องจากพ่อมักแสดงออกซึ่งความรักและความผูกพันได้ไม่เด่นชัดเท่าแม่ จะด้วยความเป็นเพศชายหรือความผูกพันระหว่างลูกที่มักมีต่อแม่ตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์ก็ตาม

จุดพลิกผันของเรื่องเกิดเมื่อลูกสาวที่อยู่ในช่วงวัยรุ่น พลาดพลั้งมีความสัมพันธ์กับเพื่อนชายจนตั้งครรภ์ และกลายเป็นเรื่องที่สร้างความปวดร้าวให้แก่พ่ออย่างแสนสาหัส ครอบครัวนี้จึงจำเป็นต้องตัดสินใจว่าจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร

โฆษณาเลือกจบด้วยการสื่อถึงความรักและการดูแลที่ไม่มีเงื่อนไข ผู้เป็นพ่อเลือกที่จะดูแลลูกของลูกสาวด้วยความรัก เช่นเดียวกับไทยประกันชีวิตที่ยึดมั่นในการดูแลชีวิตของผู้เอาประกันเสมอมา

โจทย์แรกที่ได้จากไทยประกันชีวิต คือ ต้องการสื่อถึงความมหัศจรรย์ของชีวิต หรือ Life is Miracle ขณะเดียวกันต้องคงคอนเซ็ปต์คุณค่าของชีวิตซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์หลักไว้ เลยนึกถึงความมหัศจรรย์จากการถือกำเนิดของชีวิตๆ หนึ่ง ความรู้สึกรักและผูกพันของพ่อที่เห็นหน้าลูกสาวครั้งแรก ได้สัมผัส ได้โอบกอด มันเป็นความมหัศจรรย์ที่ไม่สามารถทดแทนได้ด้วยคำพูดใดๆ กรณ์ เทพินทราภิรักษ์ Executive Creative Director บริษัท โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ แอ็ดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด กล่าว

ขณะเดียวกันภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ นอกจากจะสื่อถึงคุณค่าของความรักแล้ว ยังต้องการให้แง่คิดแก่วัยรุ่น โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร อันจะนำมาซึ่งผลกระทบต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ ปัญหาการทำแท้ง หรือปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งปัญหาเหล่านี้เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นในสังคมไทย และกลายเป็นปัญหาที่บั่นทอนความมั่นคงของสถาบันครอบครัว

หากติดตามชมภาพยนตร์โฆษณาของไทยประกันชีวิตทุกชุดที่ผ่านมา จะพบว่าภาพยนตร์โฆษณานอกเหนือจากทำหน้าที่สร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อแบรนด์ไทยประกันชีวิตแล้ว ยังกระตุ้นให้คนในสังคมเกิดการเรียนรู้และตระหนักคิด อันเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์สังคมไทย จึงคาดหวังว่าภาพยนตร์โฆษณาชุดล่าสุด My Girl จะช่วยกระตุ้นเตือนเยาวชนไม่ให้หลงกระทำในสิ่งผิด แต่หากมีปัญหาเกิดขึ้นควรเลือกปรึกษาพ่อแม่เป็นอันดับแรก ขณะเดียวกันยังเป็นสิ่งย้ำเตือนให้คนเป็นพ่อแม่เข้าใจและให้ความใกล้ชิดกับลูกมากขึ้น

เพราะเราต้องไม่ลืมว่าสังคมจะแข็งแรง ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว ขณะเดียวกันการสร้างหลักประกันที่มั่นคงแก่คนในครอบครัวก็เป็นสิ่งสำคัญ โฆษณาชุดนี้จึงช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดี เพื่อให้ไทยประกันชีวิตกลายเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจผู้บริโภค
ขอขอบคุณข้อมูลจาก บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด

ภาพของหญิงสาวพนมมือกล่าวขอโทษพ่อ ด้วยน้ำตาอาบแก้ม ในฉากหนึ่งของโฆษณาชุด “My girl” บริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่งทำให้ผู้ชมจำนวนมากพูดถึงโฆษณาชุดนี้อย่างกว้างขวาง

กระแสส่วนใหญ่พูดถึงความประทับใจที่มีต่อตัวละครเด่น คือ “พ่อ” แต่โฆษณาชุดนี้มีสิ่งอื่นที่มองเห็นมากกว่าจากจอโทรทัศน์ สิ่งเหล่านี้คืออะไร??

โฆษณาประกัน กับ การตั้งครรภ์ในวัยเรียน???
แม้โฆษณาชุด My Girl จะสร้างความประทับใจให้กับหลายๆคน แต่ My Girl ก็ทำให้คนส่วนหนึ่งเกิดความไม่เข้าใจบางประการ หนึ่งในนั้นคือสงสัยว่าเรื่องการตั้งครรภ์ในวัยเรียนเกี่ยวข้องอะไรกับโฆษณาประกันชีวิต

ผศ.กัลยกร วรกุลลัฏฐานีย์ อจารย์คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่าโฆษณาชุดที่ผ่านๆ มาของบริษัทเน้นการนำเสนอเรื่องความไม่มั่นคงในชีวิต และการหาหลักประกันให้กับครอบครัว โฆษณาชุดก่อนๆ จึงมุ่งขายตัวผลิตภัณฑ์ ในขณะที่โฆษณาชุด My Girl เน้นส่งเสริมภาพลักษณ์ขององค์กรมากกว่าการขายผลิตภัณฑ์

โฆษณาชุดนี้พัฒนาตัวสารให้หนักแน่นขึ้น โดยนำเสนอประเด็นปัญหาในสังคม พร้อมทั้งสื่อสารภาพลักษณ์องค์กรว่าเข้าใจและห่วงใยสังคมได้อย่างกลมกลืน โฆษณานี้สื่อสารได้ชัดเจนมากในเรื่องการเข้าใจวัยรุ่นและการเรียนรู้ที่จะให้อภัยกันในครอบครัวหากลูกทำผิดพลาด โฆษณานี้จึงเข้าถึงผู้ชมได้ไม่ยาก

ส่วนเหตุที่โฆษณานี้สามารถจับใจคนได้จำนวนมาก เนื่องจากการเลือกประเด็นปัญหาในครอบครัว ซึ่งเป็นสถาบันที่คนไทยผูกพันมาก อีกทั้งยังเป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกซึ่งกระทบใจผู้ชมได้ง่าย โฆษณาสามารถดึงเรื่องการตั้งครรภ์ในวัยเรียนให้ใกล้ชิดกับผู้ชมได้ ว่าเรื่องนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกครอบครัว

นอกจากนี้โฆษณานี้ยังทำให้ผู้ชมรู้สึกมีส่วนร่วมโดยการเป็นส่วนหนึ่งในโฆษณา โดยเลือกได้ว่าจะเป็นพ่อแม่แบบไหน แบบที่เข้าใจลูกหรือไม่เข้าใจ

หากโฆษณานี้มีภาคต่อ...
ตอนจบของโฆษณา My Girl ทำให้ผู้ชมซาบซึ้งใจ จนกระทั่งบางคนอาจหลั่งน้ำตาให้กับความรักของพ่อที่มีต่อลูก ทว่าในชีวิตจริง เรื่องราวคงไม่จบลงเพียงเท่านี้ ชีวิตของตัวละครยังมีฉากต่อที่ต้องก้าวผ่านไป

สมวงศ์ อุไรวัฒนา รองผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ (ACCESS)
กล่าวว่าโฆษณานี้จบลงด้วยความสุข ผู้เป็นพ่อยอมรับและจะดูแลลูกต่อไป แต่ในชีวิตจริงอาจจะไม่จบลงด้วยความสุขเช่นนี้ เพราะทางเลือกในเชิงปฏิบัติมันมีหลายแบบ สถานการณ์จริงอาจจะไม่เป็นไปตามทางเดินของโฆษณาก็ได้

โฆษณานำเสนอเพียงมุมมองเดียวและเสนอเพียงความคิดเดียว ไม่มีความคิดอื่นๆ ต่อเนื่องไปจากนั้น เช่น โฆษณาไม่ได้บอกเลยว่า หากเด็กเลือกที่จะทำแท้งจะเป็นอย่างไร ต่อไปชีวิตของเด็กคนนี้จะดูแลชีวิตใหม่ที่จะเกิดขึ้นอย่างไร ต่อไปเขาจะได้กลับไปเรียนหนังสือไหม พ่อของเด็กจะเป็นอย่างไร จะกลับมาแต่งงานกับแฟน หรือว่าจะหายหน้าไปเลยทิ้งให้ผู้หญิงรับผิดชอบคนเดียว แล้วญาติ เพื่อน ครูของเขาที่โรงเรียนจะว่าอย่างไร นี่คือความคิดต่อเนื่องที่โฆษณาไม่ได้นำเสนอ

นอกจากนี้โฆษณายังบอกให้เห็นว่า เด็กในวัยเรียนก็ตั้งครรภ์ได้ ทั้งๆ ที่ครอบครัวก็ดูอบอุ่น นั่นแสดงว่าการมีครอบครัวอบอุ่นหรือครอบครัวแตกแยกก็อาจเกิดปัญหาได้เท่าเทียมกัน ประเด็นสำคัญที่ตามมาที่ผู้ชมควรคิดต่อ คือการแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีกอย่างถูกวิธี จะต้องให้ความรักและรู้จักเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

Ending ที่ไม่ Happy อย่างในโฆษณา
ถ้าชีวิตจริงจบอย่าง Happy Ending เหมือนในโฆษณาได้ก็คงดี แต่เด็กสาวที่ตั้งครรภ์ในวัยเรียนยังต้องพบอุปสรรคในชีวิตอย่างต่อเนื่อง ปัญหาสำคัญเรื่องหนึ่งคือเรื่องการศึกษา ซึ่งสำคัญที่สุดสำหรับอนาคตของเยาวชน

อาจารย์ฝ่ายปกครอง (ขอสงวนนาม) โรงเรียนมัธยมศึกษา กรุงเทพฯ ให้ความเห็นว่า ถ้าหากครูทราบว่าเด็กมีเพศสัมพันธ์กันแล้ว จะเกิดคำถามขึ้นมาเลยว่า เด็กท้องแล้ว หรือยังไม่ท้อง?ถ้าท้อง โรงเรียนต้องเชิญผู้ปกครองมาคุย ถ้ายังไม่มีใครในโรงเรียนรู้เรื่องนี้ก็ดีไป โรงเรียนจะช่วยปิดข่าวให้ เด็กก็จะมีทางเลือกสองทาง คือ ถ้าอยากเรียนที่โรงเรียนต่อก็ต้องไปทำแท้ง จึงจะกลับมาเรียนได้ แต่ถ้าจะเอาลูกไว้ก็ต้องลาออกไป แม้จะไปคลอดลูกแล้วโรงเรียนก็ไม่รับกลับเข้ามาเรียนอีก เพราะเป็นกฎของโรงเรียน ถ้าอยากเรียนก็ต้องไปเข้าการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) เอา เด็กกับผู้ปกครองต้องเลือกว่า จะเอาชีวิตลูกในท้องหรือเอาอนาคตเด็กไว้ แต่ส่วนใหญ่ของเด็กที่ตัดสินใจคลอดมักจะไม่ได้กลับมาเรียน เพราะติดพันที่ต้องเลี้ยงลูกต่อ

ส่วนถ้ายังไม่ท้อง แต่โรงเรียนสืบได้ว่าเด็กมีเพศสัมพันธ์กัน ถึงแม้จะไปมีอะไรกันนอกโรงเรียน โรงเรียนก็ต้องเรียกมาจัดการอยู่ดี เชิญผู้ปกครองมารับทราบด้วย ถ้าคุยกันรู้เรื่อง โรงเรียนก็อาจจะแค่ทำทัณฑ์บนไว้

การช่วยแก้ปัญหาให้เด็กของโรงเรียนขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ถ้าเป็นเด็กดีโรงเรียนก็อยากช่วยเต็มที่ แต่ถ้าเด็กมีปัญหามีความประพฤติไม่ดี โรงเรียนก็อาจให้ออกตั้งแต่คราวแรก และในกรณีที่เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงเป็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกัน ตามกฎโรงเรียนจะให้ออกจากโรงเรียนทั้งคู่ แต่ในความเป็นจริง เราจะให้เลือกให้คนใดคนหนึ่งออก ส่วนใหญ่ก็มักเป็นเด็กผู้หญิง เพราะทนอายจนอยู่ไม่ได้

การลงโทษขั้นให้ออกจากโรงเรียน ถ้ายังไม่จบการศึกษาภาคบังคับ คือ มัธยมต้น โรงเรียนจะช่วยหาโรงเรียนใหม่ให้ แต่พอไปอยู่ที่ใหม่แล้ว ทั้งโรงเรียนเดิมและโรงเรียนใหม่จะติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด ถ้าทำผิดอีกก็เจอโทษหนัก ส่วนนักเรียนมัธยมปลาย ต้องให้ไปเข้า กศน. มิฉะนั้นก็หาโรงเรียนใหม่เอง โรงเรียนเดิมจะไม่รับผิดชอบ

แหกกฎ - ให้โอกาส
การตั้งครรภ์ในวัยเรียน ไม่ใช่ความผิดร้ายแรง จนถึงกับต้องปิดกั้นโอกาสที่เยาวชนจะได้แก้ไขตัวเอง ดังนั้นเสียงจากเยาวชนส่วนหนึ่ง จึงเรียกร้องโอกาสทางการศึกษาสำหรับเด็กที่ตั้งครรภ์ในวัยเรียน

พัชระ ติกวัฒนานนท์ - นิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่ากรณีที่เด็กนักเรียนมีเพศสัมพันธ์กัน โรงเรียนไม่ควรมีบทลงโทษถึงขนาดไล่ออก แค่เรียกมาตักเตือนว่าการกระทำนั้นดีหรือไม่ดีอย่างไรก็น่าจะเพียงพอ และคิดว่าการมีเพศสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถ้าถึงกับท้องขึ้นมา โรงเรียนอาจต้องขอให้พักการเรียน พอคลอดแล้วหรือพร้อมกลับมาเรียน ก็ควรรับกลับเข้ามาเรียนได้ที่โรงเรียนเดิม ซึ่งเราน่าจะมีโรงเรียนสำหรับคนที่ท้องแล้วโดยเฉพาะ ถ้าเด็กที่ไปคลอดลูกแล้วกลับมาเรียนแต่ไม่สามารถเข้ากับสังคมในโรงเรียนได้ ก็ไม่ควรเป็นสาเหตุสำหรับการที่ต้องหมดโอกาสทางการเรียน

“การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ คนไร้การศึกษาเสียอีกที่เป็นบ่อเกิดของปัญหาหลายอย่างในสังคม เพียงเพราะเขามีปัญหา หากกีดกันให้เขาออกไปเผชิญปัญหาตามลำพัง อาจก่อให้เกิดปัญหาสังคมตามมา หรือพอเขามีปัญหา คุณจะช่วยหาทางลดปัญหานั้นลง เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาต่อเนื่องไปอีกเรื่อยๆ ทางไหนที่ดีกว่ากัน”

เด็กที่ท้องก็ควรมีโอกาสสำหรับอนาคต ไม่ควรตัดสินอนาคตอีกทั้งชีวิตของเขาจากความผิดพลาดในวัยเด็กเพียงครั้งเดียว

แม้ความรักความเข้าใจในครอบครัว และสถานศึกษาจะเป็นส่วนสำคัญสำหรับการแก้ไขเรื่องการตั้งครรภ์ในวัยเรียน สังคมเองก็เป็นส่วนสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน เมื่อคนในสังคมสามารถเข้าใจ ยอมรับ และให้โอกาส โลกอันสวยงามในโฆษณาก็อาจปรากฏให้เห็นได้ในชีวิตจริง

เรื่อง...โดยปิยสุดา อาชาสันติสุข, นวลนภา รุจิรามงคลชัย และ ณัฐ ฉมามหัทธนาคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่มา ผู้จัดการออนไลน์
http://4825003.multiply.com/video/item/11
credit: http://www.kosanathai.com/todaystalk/view.asp?mNewsID=306

http://www.sickplaylist.com/videos/โฆษณาไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น